ความเป็นมาของโครงการ/พระราชดำริ/พระราชเสาวนีย์ โดยสรุป

���������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������           โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอจอมทอง  อำเภอฮอด  จังหวัดเชียงใหม่  และอำเภอบ้านโฮ่ง  จังหวัดลำพูน ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 โดยศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ซึ่งอยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้ามาดำเนินการทดลองเพาะปลูกดอกแกลดิโอรัส และพืชพันธุ์ไม้อื่น ๆ ในเขตพื้นที่บ้านโรงวัว หมู่ที่ 5 ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้พบว่า ราษฎรในพื้นที่โครงการมีความเป็นอยู่ที่ยากจน เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศแห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝนมีไม่เพียงพอต่อความต้องการเพาะปลูก และสภาพดินในพื้นที่มีคุณภาพต่ำ จนกระทั่ง ม.จ.จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ ได้เสด็จมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้มีราษฎรเข้ามาร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่ทำกิน ม.จ.จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ จึงได้นำปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรดังกล่าวกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
                                พระราชดำริเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2527
                                เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตรอ่างเก็บน้ำแม่เรียง ในท้องที่ตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2527 ได้มีพระราชดำริกับแม่ทัพภาคที่ 3 และอธิบดีกรมชลประทานเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิงฯ ดังนี้
                                “ควรพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามลำน้ำสาขาต่างๆของแม่น้ำปิง ในเขตอำเภอจอมทอง  อำเภอฮอด  จังหวัดเชียงใหม่  และอำเภอบ้านโฮ่ง  จังหวัดลำพูน ตามที่ทรงวางโครงการในช่วงระยะแรก จำนวน 13 อ่าง เพื่อจัดหาน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกเดิมของราษฎรหมู่บ้านต่าง ๆ และพื้นที่ป่าละเมาะที่จะบุกเบิกเป็นที่ทำกิน เพื่อจัดสรรให้กับราษฎรเข้าทำกินต่อไป รวมพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ สามารถมีน้ำทำการเพาะปลูกได้ในฤดูแล้ง และมีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค สำหรับหมู่บ้านต่าง ๆ ดังกล่าวตลอดปี นอกจากนั้นยังจะมีน้ำไว้ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางด้านปศุสัตว์ การประมงการเกษตรและอุตสาหกรรม ในพื้นที่พัฒนาการเกษตร ประมาณ 66,000 ไร่ ได้อีกด้วย ส่วนพื้นที่ต้นน้ำลำธารเหนืออ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ขึ้นไป มีพื้นที่ประมาณ 104,000 ไร่ จะใช้เป็นพื้นที่พัฒนาป่าไม้ โดยปลูกไม้สามอย่าง คือ ไม้ฟืน ไม้ผล และไม้ใช้สอย เพื่อเป็นการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร ของอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ดังกล่าว การดำเนินงานตามโครงการฯ ในระยะแรกนี้ให้แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป”

                                พระราชดำริ เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2528

                                พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และ ทรงเยี่ยมเยียนราษฎร บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย  บ้านห้วยปุ๊  ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง  จังหวัดเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ได้มีพระราชดำริการพัฒนาของโครงการ ฯ  ไว้ดังต่อไปนี้        
                “การพัฒนาตามโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ควรพิจารณาแบ่งพื้นที่พัฒนา ออกเป็นแนวเขตดังต่อไปนี้ 
                                แนวที่ 1 ควรพิจารณากำหนดพื้นที่ตอนบน เป็นแนวต้นน้ำลำธารอย่างเคร่งครัด โดยให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กปิดกั้นลำห้วยสาขาของ ห้วยม่วง ห้วยสะแพด ห้วยยอน และลำห้วยต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ในลักษณะเช่นเดียวกับ  อ่างเก็บน้ำห้วยม่วงตอนบน และอ่างเก็บน้ำห้วยปุ๊ตอนบน ทั้งนี้เพื่อจัดหาน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกของราษฎร ในเขตหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวเชิงเขา ซึ่งได้แก่ บ้านห้วยม่วง บ้านห้วยปุ๊ บ้านห้วยส้ม และบ้านห้วยสะแพด เพื่อจัดหาน้ำสนับสนุนอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บริเวณตอนล่างด้วย สำหรับพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตพื้นที่ป่าต้นน้ำตอนบนนี้ ต้องห้ามไม่ให้ราษฎรเข้าทำกิน อาจพิจารณาสร้างแนวถนนให้ชัดเจน   บริเวณใดที่เป็นป่าเสื่อมโทรมให้กรมป่าไม้พิจารณาเร่งรัดการปลูกป่า เช่น บริเวณพื้นที่ขอบอ่างหรือตามแนวทางท่อส่งน้ำ เป็นต้น และให้พิจารณาวางโครงการยกระดับน้ำจากอ่างเก็บน้ำตอนบน สนับสนุนการส่งน้ำในพื้นที่ตามไหล่เขาช่วยการปลูกป่าที่อยู่เหนือระดับส่งน้ำด้วย
                                แนวที่ 2  ควรพิจารณากำหนดพื้นที่ตอนกลางบริเวณตามแนวเชิงเขา ซึ่งมีหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย บ้านห้วยปุ๊ บ้านห้วยส้ม และห้วยสะแพด ตั้งอยู่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่จะต้องพัฒนาราษฎร ยกระดับความเป็นอยู่ของหมู่บ้านต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวเขตป้องกันการบุกรุกป่า ต้นน้ำลำธารจากบุคคลภายนอกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ราษฎรที่ตั้งบ้านเรือนและทำกินอยู่บริเวณพื้นที่ตามแนวเชิงเขา มีข้อจำกัดทั้งด้านพื้นที่ทำกินและความแห้งแล้ง การเพาะปลูกประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมาโดยตลอด  นอกจากนั้นยังได้ทรงพิจารณาเห็นว่า ระบบโครงสร้างทางสังคมของชุมชนดังกล่าว  เป็นโครงสร้างของสังคมแบบดั้งเดิม มีลักษณะเป็นชุมชนที่มีความใกล้ชิด  มีการช่วยเหลือจุนเจือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี มีรากฐานของการจัดการสังคมสงเคราะห์ของตนเองที่เห็นได้ชัด เช่น การแบ่งปันข้าวให้กับผู้ขาดแคลนบริโภคในรูปแบบของธนาคารข้าวพื้นบ้าน นอกจากนั้นยังมีการแบ่งปันรายได้จากการขายวัว เมื่อมีปัญหาการขาดแคลนข้าวเกิดขึ้น  ซึ่งก็เป็นรากฐานการจัดระบบธนาคารโคพื้นบ้านด้วยเช่นกัน ดังนั้นการพัฒนาในหมู่บ้านดังกล่าว จึงควรกระทำด้วยความระมัดระวัง ให้พยายามรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมให้คงไว้ให้มากที่สุด  ถึงแม้ว่าสภาพการทำมาหากินในปัจจุบันบางฤดู ราษฎรจำเป็นต้องไปประกอบอาชีพรับจ้างนอกหมู่บ้าน แต่เมื่อมีการพัฒนาทางด้านแหล่งน้ำและพื้นที่ทำกินแล้วก็จะเป็นส่วนทำให้ราษฎรมีงานทำในท้องถิ่นมากขึ้น  ถึงกระนั้นก็ตามหน่วยงานทางราชการ  ได้แก่ กรมชลประทาน กรมป่าไม้ หรือหน่วยงานอื่น ๆ  ควรพิจารณาว่าจ้างแรงงานให้ราษฎรได้มีรายได้  ภายในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง และต้องพยายามทำทุกอย่างให้ราษฎรรักและ หวงแหนพื้นที่และรักษาป่าไม้ 
สำหรับลำห้วยปุ๊และลำห้วยม่วง ที่บริเวณบ้านห้วยปุ๊และห้วยม่วงให้กรมชลประทาน พิจารณาวางโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำขนาดเล็กสำหรับหาน้ำ ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกของหมู่บ้านทั้งสอง เพื่อการทำนาในฤดูฝน ส่วนพื้นที่ทำกินยังพอมีพื้นที่ที่เหมาะสมอยู่บ้าง ควรค่อย ๆ พิจารณาขยายให้พอเพียงในแต่ละชุมชนที่มีความพร้อม  โดยให้กรมชลประทานและกรมพัฒนาที่ดินร่วมกันพิจารณาสำรวจและวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน วางระบบการส่งน้ำในพื้นที่ไร่นาแบบง่าย  ๆ  ให้ราษฎรมีส่วนร่วมด้านแรงงานด้วย และให้พิจารณาวางโครงการสร้างบ่อน้ำเล็ก ๆ ใกล้แปลงเพาะปลูกไว้ให้วัว  ส่วนในเรื่องที่ราษฎรขอพระราชทานวัวพันธุ์ดีนั้น ให้ทางจังหวัดเชียงใหม่พิจารณาศึกษาสภาพพื้นที่ ทั้งในเรื่องของการจัดหาแหล่งหญ้า และการขยายพันธุ์วัวให้แก่ราษฎรต่อไป
                        แนวที่ 3 เป็นพื้นที่ตอนล่าง มีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากระบบชลประทานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ในความดูแลของทางราชการ ก็ควรค่อย ๆ ดำเนินการพัฒนาไปตามความเหมาะสม สำหรับแนวทางการจัดสรรที่ดินทำกินควรพิจารณาจัดสรรที่ดินเป็นลักษณะสัมปทานรูปแบบพิเศษให้เช่าพื้นที่ทำกินแบบคล้ายการดำเนินงานในรูปนิคม โดยมอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูนและกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกันรับผิดชอบ”
                                พระราชดำริ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2528
                                “ ด้วยเหตุที่การดำเนินการพัฒนา โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นศูนย์พัฒนาบริการสาขาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ   ดังนั้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขยายงาน การส่งเสริม การปลูกพืชมะคาเดเมีย ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง  จึงได้มีพระราชดำริ ให้กรมวิชาการเกษตร พิจารณาด้วยว่า พืชมะคาเดเมีย เป็นพืชที่ต้องการน้ำพอควรจึงควรได้ศึกษาในรายละเอียดเสียก่อนกล่าวคือ ปัญหาที่สำคัญดั้งเดิมของราษฎรในเขตพื้นที่ของโครงการ ฯ  ก็คือปัญหาการขาดแคลนน้ำและมีการปลูกพืชเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อการดำรงชีพเป็นหลัก แต่ ก็ประสบปัญหาความแห้งแล้งในฤดูเพาะปลูกมาโดยตลอด การที่จะส่งเสริมการปลูกพืชมะคาเดเมียเป็นพืชยืนต้น  และต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5 - 6 ปี จึงจะเริ่มให้ผล ในขณะเดียวกันราษฎรต้องการปลูกพืชระยะสั้น เพื่อการดำรงชีพประจำวันประกอบกับปริมาณน้ำชลประทานที่จัดสร้างขึ้นมีปริมาณค่อนข้างจำกัด จึงเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาในรายละเอียดให้รอบคอบ และทำแผนปฏิบัติการเสียก่อน และขอให้พิจารณาร่วมกันกับกรมชลประทาน และกรมพัฒนาที่ดินต่อไป ”
                                พระราชดำริ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2536
                                พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้มีพระราชดำริแก่เลขาธิการสำนักงาน กปร. และอธิบดีกรมชลประทาน เกี่ยวกับงานชลประทาน   ณ   พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์   ดังนี้
                        “ควรพิจารณานำแนวทางการจัดหาน้ำตามรูปแบบโครงการพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บริเวณวัดมงคลชัย อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี มาใช้กับพื้นที่บริเวณโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่บริเวณที่ราษฎรน้อมเกล้า ฯ ถวาย จำนวน 10 ไร่ ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยให้เป็นตัวอย่างเพื่อการศึกษานำมาปรับปรุงพื้นที่ให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างสมบูรณ์    
                                เมื่อการพิจารณาข้อมูลจากการตรวจสภาพพื้นที่ และรายละเอียดจากแผนที่ มาตราส่วน 1:100,000  พื้นที่บริเวณบ้านห้วยมะควัด และหมู่บ้านป่าไม้ เหนืออ่างเก็บน้ำหนองกระทิง ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง มีสภาพภูมิประเทศ เป็นเนินเล็ก ๆ  สภาพดินลูกรังปนกรวด หน้าดินถูกกัดเซาะ มีอินทรียวัตถุน้อย   ปัจจุบันไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ แนวทางการพัฒนาตามรูปแบบโครงการพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน โดยขุดลอกร่องหุบระหว่างลูกเนินให้ลึกและกว้าง  แล้วนำดินที่ขุดไปปิดกั้นระหว่างลูกเนินให้สามารถเก็บกักน้ำได้เป็นช่วง ๆ ลงไปสู่ที่ต่ำกระจายไปตามความเหมาะสม สำหรับพื้นที่ที่จัดเป็นแปลงที่ทำกินและไม่มีร่องหุบ ควรพิจารณาขุดสระเพื่อเก็บน้ำในบริเวณที่ที่มีพื้นที่รับน้ำไหลลงสระ  ส่วนพื้นที่บริเวณยอดเนินซึ่งยากแก่การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ควรใช้เป็นพื้นที่ปลูกป่า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและชะลอกระแสน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ลาดชันมากควรปลูกหญ้าแฝก  เพื่อป้องกันการกัดเซาะพังทลายของดิน และควรมีการปรับปรุงควบคู่ไปด้วย  ”
                                พระราชดำริเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2548
                                สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้พระราชทานพระราชดำริ ความว่า อ่างเก็บน้ำมีน้ำเหลือน้อย สภาพป่าต้นน้ำลำธารแห้งแล้งมากให้ช่วยทำการป้องกันรักษาป่า และพัฒนาป่าไม้ให้มาก ๆ เพื่อจะได้เป็นป่าต้นน้ำลำธารชั้นดี เพื่อให้ราษฎรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดไป